ชิปปิ้งจากจีนเตรียมรับมือ ‘Made in China 2025’
เคยกล่าวถึง ‘ยุคนวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ’ ของจีนเอาไว้ในบทความ มองตลาดไทย-จีน แนวโน้มน่าจับตาสินค้าขนส่งจากจีนมาไทย ว่าจีนกำลังก้าวสู่ยุคพัฒนานวัตกรรม ซึ่งแผนพัฒนานวัตกรรมของจีนครั้งนี้ไม่ได้มาเล่นๆ ถ้าใครตามข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศอยู่บ้าง คงจะเคยได้ยินคำว่า ‘Made in China 2025’ ที่ประกาศออกมาตั้งแต่เมื่อปี 2015 คำๆ นี้ต่างจาก Made in China ที่อยู่บนสินค้าแทบทุกประเภทเกือบทุกพื้นที่ทั่วโลกอย่างไร แล้วจะมีผลกระทบกับธุรกิจชิปปิ้งจากจีนในไทยอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันค่ะ
ก่อนจะพูดถึง ‘Made in China 2025’ ย้อนมาดูสภาพโครงสร้างทางสังคมของจีนกันก่อน
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยข้อมูลในปี 2017 จีนมีประชากรมากถึง 1,386 ล้านคน หรือเกือบ 20% ของประชากรทั้งโลก แต่ด้วยสภาพปัจจุบัน สังคมจีนกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลง เพราะปัญหาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลจีนกำลังเร่งแก้ปัญหานี้เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดให้มากขึ้น
ลองคิดสภาพประเทศที่เป็นกำลังผลิตหลักของโลกเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในการผลิตและส่งออก สิ่งที่จะตามมาไม่เพียงในประเทศจีนเองที่จะเสียสมดุลทางการตลาด แต่ทั้งโลกก็จะพลอยได้รับผลกระทบนี้ไปด้วย ทางออกของปัญหานี้จึงเกิดเป็น ยุทธศาสตร์ Made in China 2025
แน่นอนว่าแผน ‘Made in China 2025’ ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาประชากรเพียงอย่างเดียว ภายในจีนยังมีปัญหาค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ปัญหามลภาวะที่เกิดจากอุตสาหกรรมที่ทำให้สภาพอากาศบางมณฑลในจีนเข้าสู่สภาวะ ‘อันตราย’ รวมถึงปัญหาสิ้นเปลืองทรัพยากร ที่มองในระยะยาวไม่เป็นผลดีต่อประเทศแน่ๆ ยุทธศาสตร์ Made in China 2025 จึงเกิดขึ้นเพื่อรับมือปัญหาเหล่านี้ โดยมีแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนมาจาก นโยบายอุตสาหกรรมแห่งชาติของเยอรมนี (The New High Tech Strategy 2020) ซึ่งเป็นแนวคิดเข้าสู่สมัยใหม่ของโลก Industry 4.0 ที่ในประเทศไทยเองก็เริ่มปรับตัวรับยุคใหม่นี้แล้ว ดูเพิ่มเติมที่บทความ ชิปปิ้งจีนไทย ปรับตัวยังไงในยุคไทยแลนด์ 4.0
แล้วยุทธศาสตร์ Made in China 2025 คืออะไร?
แผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 คือการปรับโครงสร้างในการผลิตของจีน เน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่ม ‘คุณภาพ’ และ ‘กำลังการผลิต’ ที่มากขึ้น โดยควบคุมด้วยระบบ Internet เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการผลิต สามารถตรวจสอบได้ง่าย และคาดการณ์ล่วงหน้าถึงผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังต้องลดมลพิษจากการผลิต เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งปัจจัยสำคัญในแผนพัฒนาทางนวัตกรรมนี้คือการย้อนกลับมาที่พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่มนุษย์ ผู้เป็นพื้นฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
แนวคิดและหลักการของ Made in China 2025 (ขอบคุณข้อมูลจาก ส่วนเศรษฐกิจภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ )
- การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
- การผลิตที่มุ่งคุณภาพ
- การผลิตมุ่งเน้นและพัฒนาไปสู่การผลิตสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- การปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิต เน้นการผลิตที่มีประสิทธิภาพ การใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพสินค้าและ Brand สินค้าของจีน
- การพัฒนาบุคคลากร ในด้านวิทยาศาสตร์และการสร้างนวัตกรรม
ซึ่งการพัฒนาในช่วงแรก หรือภายในปี 2025 เน้นในเรื่องการเสริมความแข็งแกร่งในด้านการผลิตให้กับประเทศ ปัจจุบันจีนได้เริ่มผลักดันหลายเมืองให้กลายเป็นกลุ่มเมืองนำร่องเพื่อทำการพัฒนาและดำเนินตามแผน Made in China 2025 แล้ว
มองในระยะยาว Made in China 2025 ส่งผลต่อชิปปิ้งจากจีนในไทยอย่างไร?
ไม่เพียงแต่ราคาสินค้าที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง เพราะเป้าหมายสำคัญในแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 คือการลดต้นทุนการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการในไทยสามารถนำเข้าสินค้าจากจีนได้ในราคาที่ถูกลงเท่านั้น แต่คุณภาพสินค้าที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และเพิ่มเติมในส่วนของนวัตกรรม และความเป็นลิขสิทธิ์คิดค้นขึ้นโดยคนจีนเอง เพื่อลบภาพเดิมของประเทศจีนที่เต็มไปด้วยสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ทำให้ทิศทางทำตลาดเปลี่ยนไปด้วย นัก Shipping จีน ในไทยต้องปรับตัว เตรียมปรับแผนการตลาดเพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงนี้ สามารถดูเพิ่มเติมที่บทความ ทิศทางตลาดนำเข้าสินค้าจากจีนรับเทรนด์ธุรกิจปี 2018
Shippingyou บริษัทชิปปิ้งจากจีนที่พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขนส่งจากจีนมาไทยให้กับธุรกิจของท่าน โดยที่ Shippingyou เองไม่เคยหยุดพัฒนาเพื่อตอบรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น สามารถสอบถามรายละเอียดด้านการขนส่งจีนโดยชิปปิ้งจากจีนได้โดยตรงกับทีมงาน Call Center ของเรา โทร.02-114-7469 หรือ Line: @shippingyou เรายินดีให้บริการรับนำเข้าของโดยชิปปิ้งจากจีนค่ะ นอกจากการขนส่งแล้วยังสามารถสั่งซื้อสินค้าจากจีนได้จากที่นี่เลย!!