ชิปปิ้งจีน เกาะติดความเคลื่อนไหว 6 Trends E-Commerce ประเทศจีน ปี 2020

ชิปปิ้งจีน 6 Trends E-Commerce จีน Shippingyou ชิปปิ้งจีน ชิปปิ้งจีน เกาะติดความเคลื่อนไหว 6 Trends E-Commerce ประเทศจีน ปี 2020 6 Trends E Commerce           Shippingyou 768x402

ชิปปิ้งจีน กว่าช่วงเวลา 7 ทศวรรษที่ผ่านมา ‘ประเทศจีน’ สามารถเปลี่ยนโฉม จากประเทศที่ยากจนมาสู่ ‘มหาอำนาจของโลก’

และในช่วงกว่า 10 ปีมานี้ ‘จีน’ ได้มีการเติบโตและเร่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเป็นการขับเคลื่อนทั้งองคาพยพ นั่นคือ รัฐบาล-ภาคเอกชน-ประชาชน

นับได้ว่าปี 2019 ถือเป็นปีแห่ง Trade War เมื่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงปีก่อนหน้านั้น และ Tech War ระหว่างจีน-สหรัฐ ได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนต่อสายตาประชาคมโลก โดยจีนได้พยายามแสดงให้เห็นถึงบทบาทความเป็น ‘พี่ใหญ่’ (Hegemony) ทั้งด้านเศรษฐกิจและของโลก

ขณะเดียวกันที่ภาคเอกชนหลายรายได้แสดงความสามารถ จนก้าวขึ้นมาเป็น Global Company ได้สำเร็จ โดยเฉพาะ Tech Company ที่วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแบรนด์จีน แพลตฟอร์มเทคโนโลยีจีน และ Made in China สามารถผลักดันเข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ในส่วนของภาคประชาชน ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ณ เวลานี้ ‘คนจีน’ คือ กลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง

สำหรับในปี 2020 กลายเป็นปีที่น่าจับตามองของ ‘ประเทศจีน’ เพราะการเคลื่อนไหวหรือการขยับตัวแต่ละครั้งของดินแดนมังกรแห่งนี้ มักสร้างความสั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลก

ปัจจุบัน จีนเป็นตลาดใหญ่ ส่งผลให้ธุรกิจไทย ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ไทย ต้องการที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคจีน ดังนั้น ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ Shippingyou มืออาชีพด้านบริการชิปปิ้งจีน จะพามาเกาะติดความเคลื่อนไหวกับเทรนด์ ‘China Trends 2020’ ซึ่งประกอบไปด้วย 6 เรื่องราวของแพลตฟอร์ม E-Commerce จีนที่น่าจับตา โดยเฉพาะแพลตฟอร์มในเครือของ Alibaba เช่น Taobao (C2C), Tmall (B2C) ที่มีทั้งผู้ประกอบการ และลูกค้าซื้อขายกันบนแพลตฟอร์มเหล่านี้อย่างมหาศาล

  1. ผู้ประกอบการค้า จะขายสินค้าได้ยากขึ้น ด้วยสถิติ 80% ของการซื้อและจำหน่ายบน Taobao หรือ Tmall มาจากร้านค้าที่มียอดขายติดท็อป 200,000 ร้าน แต่ยังมีอีก 20% มาจากร้านค้าที่มีผู้ติดตาม (Follower) จำนวนมาก ซึ่งในกรณีนี้ใครที่เป็นผู้ประกอบการหรือผู้ขายออนไลน์รายเล็ก ควรมองหาช่องทางการจำหน่ายออนไลน์อื่นๆ หรือใช้โมเดล Partnership เช่น เป็นพาร์ทเนอร์กับร้านค้าออนไลน์ที่มียอดขายดี
  2. Cross-border E-Commerce ในยุคก่อน การซื้อขายต่างประเทศในจีน จะมีตัวแทนการขายที่หิ้วสินค้าเข้าประเทศ แต่ปัจจุบันหลายแพลตฟอร์ม E-Commerce ของจีน ได้เปิดบริการ Cross-Border ทำให้ผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการทำ Cross-Border ได้นำสินค้าไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม E-Commerce ของจีน อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องทำการลงทะเบียนก่อน จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนที่แพลตฟอร์มได้กำหนดเอาไว้ ทั้งนี้ จะสามารถขนส่งสินค้าไปลงที่ Warehouse ที่จีนได้ และจำหน่ายได้อย่างถูกกฎหมาย
  3. Content to Commerce ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินคำว่า Social Commerce ซึ่งเป็นการซื้อขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม Social Media และในช่วงระยะหลัง จะเห็นปรากฏการณ์ LIVE ขายของ ซึ่งไม่ได้มาแรงเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่จีนเองก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน สำหรับปี 2020 การซื้อขายออนไลน์ของจีนกำลังจะก้าวพัฒนาไปอีกขั้น เมื่อต่อไปการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเกี่ยวกับแบรนด์ หรือร้านค้า หรือเมื่อชม Live ขายของ ก็สามารถคลิกเข้าไปที่หน้าแพลตฟอร์ม E-Commerce ของสินค้าได้ทันที พร้อมให้บริการจัดส่งถึงบ้านหรือให้บริการชิปปิ้งจีนได้เลยทันที เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ ในการทำ ‘Content to Commerce’ ผู้ประกอบการอาจจำเป็นต้องจ้าง Net Idol หรือ Influencer และ Tag ร้าน หรือผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างเช่น Alibaba ได้มีแพลตฟอร์มสำหรับ Live โดยเฉพาะ และได้มี Net Idol มา Live สินค้าแฟชั่นผ่านแพลตฟอร์มนี้ด้วย ใครที่สนใจสินค้า ก็สามารถคลิกเลือกซื้อที่ Taobao โดยทางร้านจะทำการจัดส่งให้ถึงบ้านหรือส่งผ่านบริการของชิปปิ้งจีน
  4. Fragmented แพลตฟอร์มแตกแยกย่อย ในอดีตแพลตฟอร์ม E-Commerce ของจีน เป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดและได้ครอบคลุมสินค้าทุกหมวดหมู่ แต่สำหรับปี 2020 มันกำลังจะกลายเป็น Fragmented Platform หรือเป็นแพลตฟอร์มที่มีการแตกแยกย่อยมากขึ้น อาทิ เราจะได้เห็นแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชั่นที่จับกลุ่ม Niche Market มากยิ่งขึ้น เช่น Xiaohongshu จากแอปพลิเคชั่นรีวิว ที่โฟกัสสินค้าความงามและแฟชั่นเป็นหลัก หรือ Kaola เป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่โฟกัสการเป็นช็อปปิ้งออนไลน์คุณภาพสูง โดยนำเข้าจากต่างประเทศ
  5. สินค้าความงามในจีน หันมาใช้ ‘Metrosexual Men’ เป็นพรีเซนเตอร์ เมื่อแบรนด์แฟชั่น และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ผู้หญิงในจีน ได้สร้างปรากฏการณ์โดยใช้ผู้ชายจีนหรือดาราชายจีนที่มีสไตล์ ‘Metrosexual’ มาเป็นพรีเซนเตอร์ สะท้อนให้เห็นว่ากำแพงระหว่างผู้ชายและผู้หญิงในจีนได้เริ่มลดลงแล้ว
  6. Unique Selling Point หัวใจสร้างความแตกต่าง ไม่ว่าจะจำหน่ายอะไร สินค้าอยู่หมวดหมู่ใด สินค้าหรือแบรนด์นั้นๆ ต้องมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามักจะทำตามกระแสกันเป็นส่วนใหญ่ เช่น เห็นคนคนอื่นทำแบรนด์ลิปสติกหรือผลิตภัณฑ์ Mask หน้า ก็นิยมทำตามกันเป็นจำนวนมาก หรือเรียกกันว่า ‘Me Too Product’ ในปี 2020 ยิ่งสินค้าที่ไม่มีความแตกต่าง หรือมีการทำตามกัน ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่เวิร์คอีกต่อไป

6 Trends E-Commerce เหล่านี้ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศจีนปี 2020 จะส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจ E-Commerce หรือธุรกิจชิปปิ้งจีน มีการปรับตัวตามกระแสและทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจโดยไม่ล้มหายตายจากไปเสียก่อน