จีน ประเทศหนึ่งในทวีปเอเชีย ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของโลก สามารถดึงดูดทั้งนักลงทุนด้วยการผลิตอันหลากหลายรูปแบบ ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย แม้จะเป็นเศรษฐกิจแบบปิดและมีปัญหาด้านภาษา แต่สามารถรั้งตำแหน่งศูนย์กลางนวัตกรรมและการผลิตระดับโลกได้ด้วย 5 เหตุผลดังนี้

        1. การผ่อนคลายข้อกำหนดของผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศและการสนับสนุนอื่นๆ จากรัฐบาล

        การผ่อนคลายข้อกำหนดของผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศและการสนับสนุนอื่นๆ จากรัฐบาลให้แก่บุคคลและองค์กร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือสำหรับนักลงทุนในจีนมากขึ้น โดยรัฐบาลจีนได้ออก 20 มาตรการ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2016 เพื่อดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับบริหาร ชาวจีนในต่างประเทศ ผู้ประกอบการและบัณฑิตใหม่ที่มาจากต่างประเทศ

         นอกเหนือจากนี้ ผู้นำจีนรุ่น 3.0 ตรงกับรัฐบาลของเจียง เจ๋อหมิน มีแนวคิดที่มุ่งเน้นในการผลิตคนรุ่นใหม่ๆ เพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบเก่า ซึ่งสิ่งนี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในการริเริ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ของจีน อีกทั้งยังต้องรออนุมัติการลงทุนด้านเทคโนโลยีในต่างประเทศ 

         นอกจากนี้ผู้ประกอบการชาวจีนยังมีความกระตือรือร้นในการจ้างพนักงานจากต่างประเทศ เนื่องจากช่วยสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างตลาดต่างประเทศกับบริษัทจีนได้ รวมทั้งประเทศจีนยังเป็นจุดมุ่งหมายยอดนิยมของผู้ประกอบการทั้งหลายตั้งแต่ผู้ประกอบการทั่วไปตลอดจนผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลเลยทีเดียว

         2. ส่งเสริมนโยบาย ‘ประตูหมุน’

         นโยบายประตูหมุน (Revolving Door) หมายถึง การจ้างบุคคลระดับสูงของภาครัฐเข้าไปทำงานในภาคเอกชนและคนในภาคเอกชนเข้ามาทำงานด้านนโยบายในภาครัฐ ซึ่งจีนได้ดำเนินการตามนโยบายนี้ของสหรัฐอเมริกาในภูมิทัศน์ทางการเมือง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างรัฐบาลกับเอกชน โดยประธานาธิบดีของจีนได้เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาสถาบันคลังสมองของจีน ด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมภูมิทัศน์ทางธุรกิจของจีนจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนเติบโตอย่างรวดเร็ว

         3. จีนกำลังดึงดูดความสามารถและธุรกิจจากทั่วโลก

          จีนกำลังส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงภารกิจการปฏิรูปที่เข้มงวด จากการที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าตลาดโลกด้วยกลยุทธ์การพัฒนา 3 ขั้นตอนที่เลือกย้อนกลับไปในปี 1980 โดยมีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ได้สำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้จีนเป็นหนึ่งเดียวกับเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังทำให้ประเทศพ้นจากข้อครหาของการมีทรัพยากรส่วนเกินและได้แบ่งปันผลิตภัณฑ์ให้กับโลก

         4. ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน

           จีนไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังกระตือรือร้นที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนและแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ความเหลื่อมล้ำ ความมั่งคั่งและมลพิษ โดยกำกับให้บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่ดำเนินงานในประเทศจีนสร้างสวัสดิการให้แก่พนักงานและรับรองมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น รวมทั้งได้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Tesla และ Anhui Zotye Automobile Co. เข้ามาลงทุน เพื่อผลักดันการขยายธุรกิจและลดมลพิษในประเทศ

          5. ผ่อนคลายกฎการลงทุนจากต่างประเทศ และร่วมเป็นพันธมิตร

           ประเทศจีนที่มีประชากรจำนวนมากและมีอัตราการใช้สมาร์ทโฟนและ Social Media สูง ทำให้มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์สำหรับบริษัทต่างๆ โดยการใช้ Big Data ที่สร้างขึ้นเพื่อป้อนอัลกอริทึมและระบุแนวโน้ม ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้กำหนดความเป็นส่วนตัวของลูกค้าสำหรับแบรนด์ เช่น ความสนใจและความชื่นชอบส่วนตัวของลูกค้า เป็นต้น

           อีกทั้งรัฐบาลจีนได้ผ่อนคลายกฎสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและให้ความร่วมมือระดับโลก ทำให้เป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับการทำธุรกิจและได้ให้ความสำคัญกับระบบทุนนิยมอย่างเห็นอกเห็นใจและกำลังเปลี่ยนแปลงกฎของธุรกิจทั่วโลก ทำให้จีนสามารถดึงดูดขุมทรัพย์ทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับตนเองได้อย่างชาญฉลาด

            นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมการผลิตสินค้ารายใหญ่ โดยมีการส่งออกสินค้าจำนวนมากในหลายประเทศผ่าน E-Commerce อย่าง Taobao Tmall และ 1688 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศไทยเองก็มีการนำเข้าสินค้าจากจีนโดยรองรับการสั่งซื้อจากสามเว็บไซต์ดังกล่าว และดำเนินการขนส่งผ่านบริษัทชิปปิ้ง Shippingyou มาอย่างยาวนาน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและบริการที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเสมอมา จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสินค้าจากจีนนั้นได้รับความนิยมและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากยิ่งขึ้น