ต่อมาในปี 2450 กรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้าที่เมืองชิคาโก เริ่มทนไม่ไหวต่อการเอารัดเอาเปรียบและทารุณของนายจ้าง จนนักการเมืองสตรีชาวเยอรมัน คลาร่า เซทคิน ตัดสินใจปลุกระดมด้วยการนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคมและเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานลงเหลือ 8 ชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการและสิทธิ์เลือกตั้งอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นการเรียกร้องครั้งนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากมีแรงงานหญิงหลายคนถูกจับกุม จนกระทั่งวันที่ 8 มีนาคม 2453 ความพยายามของกลุ่มสตรีเหล่านี้ก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อมีตัวแทนสตรีจาก 17 ประเทศเข้าร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยม ประเทศเดนมาร์ก ทั้งยังรับรองข้อเสนอของคลาร่า เซทคิน โดยการกำหนดให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็น ‘วันสตรีสากล’

       การจัดกิจกรรมวันสตรีสากลครั้งแรกเริ่มขึ้นในปี 2454 โดยมีประชาชนทั้งชายและหญิงกว่า 1 ล้านคนจากประเทศออสเตรีย เยอรมนี เดนมาร์กและสวิตเซอร์แลนด์ เข้าชุมนุมเรียกร้องสิทธิการทำงานและขอให้ยุติการแบ่งแยกในการทำงาน จากนั้นในปีถัดมาก็เริ่มมีการจัดกิจกรรมในประเทศฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์และสวีเดน 

       ในปี 2500 องค์การสหประชาชาติได้เข้ามามีบทบาทเชิญชวนให้ทุกประเทศในโลกกำหนดวันฉลองแห่งชาติว่าด้วยสิทธิสตรีและสันติภาพสากล รวมทั้งยังมีการประกาศยกย่องสตรีที่ทำคุณประโยชน์ให้กับทั้งโลก อาทิ เจ้าหญิงไดอาน่า แม่ชีเทเรซา ประธานาธิบดีเมกาวาตีและอองซาน ซูจี ที่พยายามเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประเทศ 

       ส่วนประเทศไทยที่เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้ก่อตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ซึ่งในวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ประเทศไทยจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อฉลองวันสตรีสากล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดนิทรรศการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ รวมทั้งมีการประกาศเกียรติคุณแก่สตรีดีเด่นประจำปีในสาขาอาชีพต่างๆสำหรับปี 2563 นี้ จะมีคัดเลือกสตรีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้ได้รับรางวัลสตรีทำงานดีเด่น รวมทั้งสิ้น 29 คน จาก 8 สาขา ได้แก่ สตรีนักบริหารดีเด่น, สตรีผู้ปฏิบัติการดีเด่น, สตรีเครือข่ายด้านแรงงานดีเด่น, สตรีผู้ประกอบอาชีพอิสระดีเด่น, ศิลปินสตรีดีเด่น, สื่อมวลชนสตรีดีเด่น, สตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น และสตรีนักวิชาการด้านแรงงานดีเด่น 

        นอกจากนี้ จีน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับกิจกรรมวันสตรีสากล เนื่องจากเป็นประเทศที่เรียกได้ว่ามีความเหลื่อมล้ำทางเพศสูง แม้ความสำคัญของผู้หญิงจะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงขาดโอกาสของความเท่าเทียมในส่วนธุรกิจและการเมือง (อ้างอิงจากความเห็นของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี)โดยผู้หญิงชาวจีนได้ค่าจ้างต่อเดือนน้อยกว่าผู้ชาย 22% มีช่องว่างยิ่งห่างมากขึ้นอีกในระดับตำแหน่งที่สูงขึ้น และมีผู้หญิงเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นจากจำนวน ส.ส.ทั้งหมดของจีน 

         ปัจจุบัน สตรีชาวจีนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้วันที่ 8 มีนาคม สตรีมีสิทธิ์หยุดพักครึ่งวันและได้เที่ยวจับจ่ายใช้สอย ทำให้ห้างร้านต่างๆ รวมทั้งร้านค้าออนไลน์แพล็ตฟอร์ม E-Commerce ในเครือ Alibaba ก็ได้กระตุ้นยอดขายสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสตรี อาทิ Tmall จัดแคมเปญลดราคาสินค้าสุขภาพและความงามสำหรับผู้หญิง ให้ช็อปปิ้งกันอย่างจุใจในวันนี้อีกด้วย ขณะที่กรุงปักกิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยกเลิกบัตรผ่านประตูหรือลดราคาให้กับสตรีและเด็ก เช่น พิพิธภัณฑ์รถยนต์ปักกิ่งอนุญาตให้สตรีและเด็กเข้าชมฟรี นอกจากนี้ยังมีบรรดาหนุ่มๆ พากันซื้อดอกไม้มอบให้หญิงสาว ทำให้ร้านขายดอกไม้ขายดีมากโดยเฉพาะดอกกุหลาบที่ราคาพุ่งสูงถึงดอกละ 50 บาทเลยทีเดียว

         อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้นำเข้าสินค้าจากจีน Shippingyou ได้เปิดให้บริการชิปปิ้งจากจีนมาไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสินค้าทั้งหมดที่นำออกจากโกดังจีน จะถูกรมยาฆ่าเชื้อทั้งตู้คอนเทนเนอร์เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาก่อนสินค้ามาถึงมือคนไทย