ชิปปิ้ง ผู้ประกอบการออนไลน์ บริหารเงินยังไงให้มีหมุนเวียนอยู่เสมอ
ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจแล้ว ไม่ว่าจะทำธุรกิจแบบใดก็ตาม ย่อมก็ต้องใช้เงินในการลงทุนเพื่อหมุนเวียนต้นทุนและรายได้ให้ธุรกิจดำเนินและเติบโตต่อไปได้อย่างดี หากว่าธุรกิจของตนมีการติดขัดในเรื่องเงินตราขึ้นมานั้นเห็นจะไม่ดีแน่ ดังนั้น การบริหารเงินสำหรับหมุนเวียนในธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการทั้งหลาย เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่จะส่งผลต่อธุรกิจของเราได้ วันนี้ Shippingyou จึงจะมาบอกเทคนิคการบริหารเงินสำหรับผู้ประกอบการชิปปิ้งออนไลน์ทั้งหลายให้มีเงินเก็บออมเพื่อนำไปลงทุนและมีการหมุนเวียนอยู่เสมอ
เทคนิคการบริหารเงินสำหรับผู้ประกอบการออนไลน์
เริ่มต้นลงทุนด้วยการสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด
การทำธุรกิจนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการลงทุนนั่นเอง ซึ่งวิธีการลงทุนของแต่ละคนนั้นก็อาจจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะเริ่มต้นหาแหล่งเงินทุนด้วยการกู้ยืมจากธนาคาร หรือบางคนอาจจะลงทุนด้วยการใช้เงินส่วนตัว แต่ไม่ว่าจะลงทุนด้วยวิธีไหน การจะได้กำไรกลับมานั้นก็ต้องใช้เวลาไปสักระยะหนึ่ง อาจจะแป้บเดียวหรือใช้เวลานานหน่อยก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของผู้ประกอบการและผลตอบรับของลูกค้า
ซึ่งในตอนที่ยังไม่ได้กำไรกลับมานั้น ก็อาจจะมีการขาดทุนเกิดขึ้นได้ เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอๆ ไม่ใช่ว่าเราทำการลงทุนไปแล้วก็จะได้กำไรขึ้นมาเลยอย่างทันทีทันใด แต่มันต้องใช้เวลา และผู้ประกอบการก็ต้องพร้อมยอมรับความเสียงที่ธุรกิจของตนอาจจะขาดทุนได้ และถ้าหากว่าเกิดการขาดทุนขึ้นมา เราก็ต้องพร้อมที่จะรับมือและวางแผนการพัฒนาธุรกิจให้กลับมามีกำไรใหม่ได้ การเริ่มตนลงทุนจึงควรที่จะค่อยๆเริ่มลงทุนและพัฒนาไปทีละเล็กละน้อยให้ธุรกิจค่อยๆเติบโตไปเรื่อยๆเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินทุนได้อย่างไม่เดือดร้อนตัวเราเอง และหากเป็นไปได้เราก็ควรจะเริ่มลงทุนด้วยการสร้างหนี้สินในจำนวนที่มากจนเกินไป หรือการกู้ยืมให้น้อยที่สุด เพราะหากเกิดการขาดทุนขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะนำเงินมาพัฒนาธุรกิจต่อกลับต้องนำไปใช้หนี้อีก หนี้สินก็จะยิ่งบานปลายมากขึ้น ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ หรือยังพอมีเงินเริ่มต้นลงทุน ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการนำเงินจากการกู้ยืมมาใช้ในการลงทุนให้น้อยที่สุด นอกเสียจากว่าเราสามารถประเมินได้ว่าธุรกิจของเรานั้นมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนน้อยหรือไม่ขาดทุนแน่ๆ แต่ยังไงก็ยังเป็นเรื่องที่คาดเดายากอยู่ดี
ทำบัญชีเงินสด
สิ่งที่ผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจที่ทุกคนต้องทำ เพื่อที่จะทำให้ง่ายต่อการบริหารและจัดการเงินนั้น ก็คือ “การทำบัญชีเงินสด” เพื่อที่จะให้เราสามารถตรวจสอบการหมุนเวียนของเงินจากการทำธุรกิจของเราว่ามีการเคลื่อนไหวไปในทางใด มีรายได้เท่าไหร่ ขาดทุนกำไรเท่าไหร่ หากเป็นหนี้ขึ้นมาหรือถึงเวลากำหนดที่ต้องชำระหนี้สินแล้วก็จะได้สามารถจัดการและชำระได้อย่างทันท่วงที เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการสะสมพอกพูนหนี้สินที่จะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ การทำบัญชีก็จะช่วยให้เราบริหารการเงินได้ง่ายขึ้นและจัดการกับเงินหมุนเวียนได้อย่างเป็นระบบ
แยกบัญชีการใช้จ่ายให้เป็นสัดเป็นส่วน
นอกจากการทำบัญชีเงินสดแล้ว การแบ่งแยกบัญชีการใช้จ่ายก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยจัดระเบียบการใช้จ่ายแต่ละอย่างในการทำธุรกิจไม่ให้เกิดการปะปนกัน ผู้ประกอบการที่ดีจึงควรที่จะมีการแยกบัญชีรายรับรายจ่ายเกี่ยวกับธุรกิจและเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน และแบ่งการใช้งานไม่ให้ออกมาปะปนกันอย่างเด็ดขาด เช่น แบ่งเป็นบัญชีเงินออม ปัญชีหนี้สิน บัญชีเงินหมุนเวียน บัญชีเงินส่วนตัว บัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น
การจดบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัวแยกกับบัญชีของร้านค้า เริ่มจากเขียนบัญชีอย่างง่ายที่ตัวเองเข้าใจ ทำให้เรารู้ว่าที่มาและที่ไปของเงินว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ไม่ควรใช้จ่ายเงินส่วนตัวปะปนกับเงินของร้านค้า เพราะเวลาเกิดปัญหาเงินหายจะได้รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดการนำเงินส่วนต่างๆออกมาใช้แทนกันจนมั่วไปหมด สุดท้ายก็จะไม่สามารถจัดการเงินได้ว่าขาดทุน ได้กำไรไปเท่าไหร่ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถคำนวณต้นทุนกำไรในแต่ละรอบออกมาได้ สุดท้ายก็จะไม่รู้ว่าธุรกิจที่เราทำลงไปนั้นเติบโตไปมากแค่ไหนแล้ว
เก็บเงินสำรองเผื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน
การเก็บเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินจะช่วงให้เราามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเวลาเกิดปัญหาทางการเงินที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆขึ้นได้ เพราะการค้าขายนั้นต้องมีการนำเงินออกมาหมุนเพื่อเป็นการลงทุนนำสินค้ามาขายให้ได้กำไรอยู่เรื่อยๆ จึงต้องมีการนำเงินต้นทุนมาลงทุนก่อนเสมอๆแล้วค่อยนำกำไรมาหักออกทีหลัง ซึ่งบางครั้งก็อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการค้าขาย อาจจะมีช่วงที่ไม่ค่อยมีลูกค้า และไม่ค่อยได้ขายของ ทำให้ไม่มีกำไรขึ้นได้ แต่ก็ต้องมีการซื้อสินค้าเข้ามาขายใหม่เพิ่ม ซึ่งในเมื่อไม่มีกำไรจากรอบที่แล้ว ต้นทุนก็ยังไม่ได้คืน แล้วจะนำเงินที่ไหนมาหมุน ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องเก็บเงินสำรองไว้เผื่อยามฉุกเฉินเกิดปัญหาขึ้นมาก็สามารถที่จะนำเงินออกมาพัฒนาธุรกิจให้ยังคงอยู่ได้ เพราะเราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะประสบปัญหาทางการเงินขึ้นเมื่อไหร่และปัญหานั้นจะเกิดนานแค่ไหน ดังนั้นการมีเงินสำรองเก็บไว้ใช้จึงเป็นการดีที่สุดเพื่อที่จะให้ธุรกิจของเราก้าวต่อไปได้
เก็บเงินฉุกเฉินไว้ที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
นอกจากการจะเก็บเงินสำรองไว้ในยามฉุกเฉินแล้ว ก็ควรที่จะคิดถึงว่าจะเก็บเงินสำรองเหล่านั้นไว้ที่ไหน ถึงจะปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดจากการสูญหาย ทั้งจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดหวัง หรือจากการโจรกรรมก็ตามที บางคนก็อาจจะเก็บไว้ในธนาคาร หรืออาจจะนำไปลงทุนในกองทุนรวมก็เป็นวิธีการที่ดี แต่ก็ต้องระวังความเสี่ยงของการลงทุนอีกเช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีจึงควรเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากในธนาคาร หรือฝากไว้ในที่ที่ปลอดภัยและนำมาใช้จ่ายได้เมื่อยามฉุกเฉินจริงๆเท่านั้น ไม่ให้นำมาใช้ปะปนกับรายจ่ายประจำหรือรายจ่ายอื่นๆที่ใช้เงินที่แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนไว้แล้วเท่านั้น
และนี่ก็คือเทคนิคการบริหารเงินสำหรับผู้ประกอบการชิปปิ้งออนไลน์เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเงินและการลงทุนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินการลงทุนการทำธุรกิจได้อย่างไม่ติดขัด เพราะเงินเป็นปัจจัยที่สำคัญในการลงทุนเพื่อที่จะให้ได้กำไรกลับมาจากการค้าขาย และสำหรับผู้ประกอบการคนไหนที่ต้องการที่จะสั่งซื้อและนำเข้าสินค้าจากชิปปิ้งจีนเพื่อนำมาลงทุนค้าขายในไทย ทั้งช่องทางออนไลน์และขายหน้าร้าน หรือขายทั้งสองช่องทางเลยก็ตาม ก็ควรจะเลือกผู้ให้บริการชิปปิ้งที่เป็นมืออาชีพและมีคุณสมบัติของการบริการการชิปปิ้งที่ดี พร้อมทั้งต้องมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น อ่านได้ที่บทความ 9 คุณสมบัติที่ดีของผู้ให้บริการชิปปิ้งจีนควรจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!! ได้ที่นี่!!